Thursday, September 25, 2008

ปริศนาหมากรุกฆาตรกรรม 3

วอลเลซ ถูกปล่อยตัว แต่ยังคงมีการถกเถียงต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ผู้พิพากษา จัสติน ไรท์ ที่ทำหน้าที่ตัดสินคดีของ วอลเลซในตอนแรกได้สัมภาษณ์ไว้ก่อนที่จะเสียชีวิตว่า

" อย่าลืมว่า วอลเลซ เป็นนักหมากรุก อย่างที่กล่าวๆกัน คนที่มีสามัญสำนึกล้วนบอกว่า ข้ออ้างของ วอลเลซ ดีเกินกว่าที่จะเป็นจริง แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะใช้แขวนคอใครซักคน "

อย่างไรก็ดี วอลเลซ ไม่ใช่นักหมากรุกที่เก่งกาจ สมาชิกในสโมสรให้สมญา วอลเลซ ว่า " ผู้ทำลายหมากรุก " รวมถึงสมาชิกที่หมกมุ่นกับหมากรุกคนหนึ่งกล่าวว่า

" ถ้าไม่นับการฆาครกรรมภรรยาแล้ว ผมคิดว่าเค้าควรถูกแขวนคอ ในข้อหาเป็นนักหมากรุก ฝีมือห่วย "

ภายหลังเสร็จสิ้นคดี มีนักกฎหมายของเมือง ลิเวอร์พูล ถามทนายของ วอลเลซ ว่า ทำไมถึงไม่เรียกผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ให้เห็นว่า วอลเลซ เป็นนักหมากรุกฝีมือแย่ขนาดไหน?

วอลเลซ ป่วยและเสียชีวิตในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1933 คดีไม่มีความคืบหน้า ไม่มีพยานรู้เห็น ไม่มีการพบอาวุธที่ใช้ฆ่า ไม่ใช่การแก้แค้น ไร้คำอธิบาย ใครเป็นฆาตรกรกันแน่? ถ้า วอลเลซ ไม่ได้ทำ นี่คือฆาตรกรรมที่ไร้ที่ติ แต่ถ้า วอลเลซ ทำมันก็เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้วโดยคำตัดสินของศาลอุธรณ์

คดีของ วอลเลซ ถูกนำเค้าโครงไปเขียนเป็นนิยาย ได้แก่ The Last Sentence ตีพิมพ์ปี ค.ศ.1978 และ in shadow of an alibi ตีพิมพ์ปี ค.ศ.1948 โดยเรื่องแรกเปลี่ยนสถานที่เป็นสโมสรบริดจ์ ส่วนเรื่องหลังเปลี่ยนเป็นสโมสรบิลเลียด

ที่มา ต่วย'ตูน

No comments: