Sunday, September 28, 2008

อาเทอร์ แกรี่ บิชอป Arthur Gary Bishop - ชายหนุ่มตัณหากลับ 8

บิชอป ปรากฎตัวต่อหน้าผู้พิพาษก แฟรงค์ โนเอล ในเวลาอีก 3 วันต่อมาสวมกุญแจมือและโซ่ตรวน อ่านแถลงการณ์สั้นๆ ที่เขียนด้วยลายมือ เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิต เขากล่าว ผมยังจำได้ถึงสิ่งดีๆมากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ถูกบดบังรัศมีเพราะสิ่งที่ผมทำลงไป ผมปรารถนาจะฟื้นฟูสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ ทว่ามองไม่เห็นว่าจะทำได้อย่างไร ผมปราถนาจะย้อนเวลากลับไปและเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้น หรือไม่ก็มอบชีวิตนี้ให้แกชีวิต 5 ชีวิตที่สูญเสียไป ผมขอพูดว่าเสียใจจริงๆ ต่อคสวามทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผู้พิพากษา โนเอลไม่ได้ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด ทว่าลงลายมือชื่อกำหนดการประหารชีวิต บิชอป ในวันที่ 10 มิถุนายน 1988
อาเทอร์ บิชอป ได้บอกผู้คุมว่า
เขาพร้อมและยินดีตาย
บิชอปได้พบพ่อแม่ของตนเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 8 มิถุนายน 1988 จากนั้นจึงใช้เวลาชั่วโมงสุดท้ายด้วยการไม่ทานอาหารและใครครวญภาวนากับพระเจ้า
เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าเพราะเหตุใดเขาจึงดูสงบและเยือกเย็นเช่นนั้น ฮาเบอร์ เการ์ต บิชอปชาวมอร์มอนบอกนักข่าว กระทั่งผู้คุมก็ไม่เข้าใจ แม้ผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับนักโทษมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว แต่เขาเป็นนักโทษที่เศร้าสลดและดูสำนึกผิดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

บิชอป ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษในวันที่ 10 มิถุนายน หลังการตายของเขา ทางการได้พิสูจน์ว่า อัตราการฆาตรกรรมในยูทาห์ลดน้อยลง อย่างไรก็ตามรัฐยูทาห์ก็ไม่อาจลดการวิพากษ์วิจารณ์โทษประหารชีวิตจากกลุ่มบุคคลที่ไม่เห็นด้วยลงได้ การประหารชีวิตยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ อาเทอร์ บิชอป ได้ชื่อว่าเป็น ฆาตกรต่อเนื่องที่โด่งดังที่สุดของรัฐยูทาห์ในศตวรรษที่ 20
!!

อาเทอร์ แกรี่ บิชอป Arthur Gary Bishop - ชายหนุ่มตัณหากลับ 7

อาเทอร์ บิชอบ ถูกตั้งข้อหาในระดับแรก 5 ข้อหา ลักพาตัวเด็ก 5 ข้อหา ข่มขืนใจโดยใช้กำลัง 2 ข้อหา และล่วงละเมิดทางเพศเด็กอีก 1 ข้อหา การตั้งข้อหาท้ายๆ ได้ใช้เฉพาะกับเหยื่อรายหลังๆของเขา ซึ่งหลักฐานทางนิติเวชศาสตร์ เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศยังไม่สูญหายไป แต่ข้อหาที่สำคัญจริงๆ ยังเป็นข้อหาเรื่องการฆาตรกรรม หากทางการหาหลักฐานพิสูจน์ข้อนี้ได้ โทษของเขามีเพียงสถานเดียวคือ ประหารชีวิต

วันพิพากษา

คณะทนายของบิชอป นำโดยทนายโจ คารอล เนสเส็ท-เซล ไร้สิ้นซึ่งความหวังที่จะชนะคดีนี้ คำสารภาพของบิชอป เป็นเครื่องค้ำประกันชีวิตหลังลูกกรงเหล็กของตัวเขาเองแล้ว คณะทนายพยายามทำให้โทษหนักเป็นเบา ด้วยการแก้ต่างให้เขาได้รับโทษข้อหาฆาตรกรรมโดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองมาก่อน แทนที่จะเป็นฆาตรกรรมระดับหนึ่ง คำแก้ต่างก็คืออารมณืและสติสัมปชัญญะที่ไม่ครบบริบูรณ์ของลูกความ เป็นแรงขับให้ลงมือสังหารเหยื่อ เนสเส็ท-เซล กล่าวกับศาลว่า
ด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้บิชอปเติบโตมาด้วยความลุ่มหลง และยึดติดแรงดึงดูดทางเพศที่มีต่อเด็กชาย เขาไม่เคยประทุอารมณ์ความรู้สึกเชิงเพศเหล่านั้นออกมา แท้จริงแล้วเขาเป็นเด็กที่โดดเดี่ยวและเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

และหนึ่งในสิ่งซึ่งคณะทนายคณะทนายทำให้กลายเป็นแพะรับบาปก็คือภาพลามกอนาจาร ดร.วิคเตอร์ คลิน พยานผู้เชี่ยวชาญวัตถุเหล่านี้ให้การเป็นพยานว่า ภาพดังกล่าวทำให้บิชอปพิกลพิการ จนไม่สามารถต้านทานแรงดึงดูดจากเด็ก หรือแรงกระตุ้นที่ปลุกเร้าให้ลงมือฆ่า

อย่างไรก็ตาม การขึ้นให้การเป็นพยานของ ดร.วิคเตอร์ คลิน ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างแต่อย่างใด คณะลูกขุนชาย 5 คน และ หญิง 7 คน ซึ่งป็นคณะลูกขุนไต่สวน บิชอบ กินเวลา 6 สัปดาห์ ตัดสินว่าเขามีความผิดในการฆาตรกรรมระดับแรก 5 ข้อหา ลักพาตัว 5 ข้อหา และล่วงละเมิดทางเพศแก่เด็ก 1 ข้อหา

เทปคำสารภาพส่วนหนึ่งของ บิชอบ ถูกนำมาเปิดในศาลขณะพิจารณาโทษ คณะลูกขุนได้ฟังคำสารภาพดังกล่าว บางครั้งถึงกับร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงบิชอปหัวเราะ หรือบางทีก็ทำเสียงแหลมสูงเพื่อล้อเลียนเด็กชายที่ร้องขอความเมตตา ไม่มีใครประหลาดใจเลยเมื่อเขาถูกตัดสินประหารชีวิต

นักกฎหมายให้บิชอปเลือกวิธีประหารชีวิตระหว่างการถูกยิงเป้ากับการฉีดยาพิษ ไม่ต้องเสียเวลาคิด บิชอปเลือกเข็มฉีดยา

ยินดีตาย

ในไม่ช้า หลังจากตัดสินลงโทษบิชอปขณะเข้าคิวรอการประหาร ชีวิตที่เรือนจำรัฐยูทาห์ มีข่าวลือว่ามีคนๆหนึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร เสนอให้เงินรางวัล 5000 ดอลลาร์เพื่อสังหารเขา ไม่เพียงเท่านั้น ยังลือกันต่อไปว่า ได้มีการเสนอเงินรางวัลอีก 5000 ดอลลาร์ สำหรับค่าหัวของ ดักลาส บิชอป อีกด้วย นอกจากนี้ ได้มีการเสนอรางวัลชุดใหญ่นับสิบชุดเพื่อเป็นค่าหัวของพี่น้องคู่นี้ ร้อยตำรวจเอกเคร็ก ราสมูเซน หัวหน้าชุดผู้รักษาความปลอดภัยของเรือนจำ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า
ปกติแล้วข่าวลือลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก แต่ในกรณีของบิชอป เป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะหากเกิดขึ้นจริง ผลลัพธ์จะเลวร้ายมาก เพราะเราได้รับคำเตือนล่วงหน้า

แท้จริงแล้ว ไม่ได้มีความที่จะคร่าชีวิตของพี่น้อง บิชอป ไม่ว่าคนใดคนหนึ่ง เนื่องจากสถานะของเขาคือผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ทำให้ทั้งคู่เป็นคนชั้นต่ำ กระทั่งในเรือนจำที่เต็มไปด้วยนักโทษอุกฉกรรจ์อยู่มากแล้วก็ตาม สำหรับ บิชอป เกิดบางสิ่งบางอย่างในจิตใจของเขาราวกับว่าเขาได้ฟื้นความรู้สึกแรงกล้า ในทางศาสนาเหมือนเมื่อครั้งที่เขาพบในวัยเยาว์
ด้วยความรู้สึกที่เศร้าสลด กับความรู้สึกผิดอย่างใหญ่หลวง เขากล่าวกับสื่อ เขาตระหนักว่าผมได้อนุญาตให้ซาตานได้ครอบงำตัวผม

การสำนึกผิดหมายถึงโอกาสของหัวใจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม บิชอป ไม่ได้ละทิ้งความหวังที่จะยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อยู่ไปเสียหมด ทนายของเขานำคำร้องไปขออุธรณ์เพื่อให้ไต่สวนอีกครั้ง แต่ศาลฏีกาของยูทาห์ปฎิเสธคำร้องดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ บิชอป จึงยุติความหวังและเตรัยมตัวเข้าสู่ความตาย วันที่ 29 กุมภาพันธ์ เขาไล่ทนายออก และเกลี้ยกล่อมให้พวกเขายุติการอุธรณ์ต่อไป วันที่ 2 พฤษภาคม 1988 ศาลฏีกาแห่งยูทาห์ยุติการรอคอยที่ไม่แน่นอนของเขา และมีคำสั่งให้ไต่สวนเพื่อกำหนดวันประหารชีวิตของ บิชอป


อาเทอร์ แกรี่ บิชอป Arthur Gary Bishop - ชายหนุ่มตัณหากลับ 6


ทางการตามหาแกรมี่ คันนิ่งแฮม เหมือนเคย การตามหานี้ไร้ผล การวักถามของตำรวจไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก นอกจากได้รับการแสดงความเสียใจต่อครอบครัวคันนิ่งแฮม อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ดูเหมือนกองกำลังตำรวจที่ติดตามการสังหารเด็กในเมืองซอล์ทเลคตั้งแต่ปี 1979 จะสะดุดกับบางสิ่ง อย่างน้อยคณะนักสืบก็จำชื่อ โรเจอร์ ดาวน์ ได้
พวกเขายังไม่รู้ว่า โรเจอร์ ดาวน์ ชื่อจริงว่าอะไร แต่ในทันใดนั้นก็ตระหนักว่าดาวน์เคยถูกสอบสวนหลังจาการหายตัวไปของเด็กห้าคน ไม่น่าเชื่อว่า เขาจะอาศัยอยู่ใกล้ที่อยู่ของเหยื่อสี่รายซึ่งหายตัวไป ทั้งยังรู้จักพ่อแม่ของเหยื่อรายที่ห้าด้วย
จ่า บรูซ ไวท์ กับนักสืบ สตีเวน สมิท ย้อนกลับไปสอบสวนดาวน์ อีกครั้งหนึ่ง ทั้งคู่ยังไม่มีหลักฐานจะเอาผิดดาวน์ แต่มีบางอย่างในท่าทีของเขาที่น่าสงสัย เขาอาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ซึ่งบางครั้งโกหกตำรวจไปตามสัญชาตญาณ ปราศจากเหตุผลแต่อย่างใด หรือเขาอาจจะซ่อนความลับที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ไว้กับตัว
หลังจากอิดออดอยู่ครู่หนึ่ง ดาวน์ก็ไปสถานีตำรวจตามคำเชิญ เขาง่วงนอนเพราะช่วยตามหาแกรมี่ คันนิ่งแฮม แต่ในที่สุด ดอน เบลล์ นักสืบแผนกฆาตรกรรมอาวุธโสก็รอการมาของดาวน์อยู่ช้าๆ ทว่าแน่นอนเขาสามารถจับเท็จจากเรื่องที่เป็นจริงได้ ในไม่ช้าเบลล์ ก็รู้ชื่อจริงของดาวน์ และก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า บิชอปก็สารภาพการสังหารเด็ก 5 คนตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา เบลล์กับบิชอป ใช้เวลาเกือบทั้งคืนด้วยกัน เพื่อปะติดปะต่อรายละเอียด ทั้งสองรอการออกไปค้นหาศพตอนรุ่งสาง

ผมจะทำมันอีก

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากรับสารภาพ บิชอปพาตำรวจออกไปค้นศพเหยื่อของตน โครงกระดูกทั้งสามยังอยู่ใกล้ป้อมซีดาห์ และซากศพที่ยังใหม่อีกสองศพ ใกล้ช่องแคบระหว่างเขาคัตทอนวูด แรงจูงใจในการฆาตรกรรมของเขายังคลุมเครือในครั้งแรก เขาอ้างว่าลงมือฆ่าเฉพาะเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งขู่ว่าจะนำเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่ เขาตื่นเต้นจากการฆาตรกรรมด้วยตัวของมันเอง อาชญากรรมมาจากแรงผลักดันทางใจ
ผมดีใจที่พวกเขาจับผมได้ บิชอปกล่าว เพราะว่าผมจะทำมันอีก

หลังจากทางการประกาศว่าจับ บิชอป ได้และเขารับสารภาพ ตำรวจก็ต้องวุ่นวายกับการรับสายที่พ่อแม่โทรฯเข้ามาแจ้งว่า บิชอปล่วงละเมิดทางเพศลูกของตนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไม่มีใครทำอะไร ขณะที่บิชอปล่าเหยื่อ คนเหล่านี้ปิดปากเงียบและนิ่งสงบ
สิ่งที่เราอยากรู้ก็คือ ร้อยตำรวจเอก โจนส์ พอลเลอิ กล่าวกับนักข่าว พวกเขาไปอยู่ใหนมา เมื่อสองสามปีก่อน ขณะที่เรายังไม่มีอะไรเลย

ฆ้อนเปื้อนเลือด

การค้นบ้าน บิชอป ทำให้ตำรวจได้หลักฐานยืนยันคำสารภาพของเขาเพิ่มขึ้น ตำรวจพบปืนลูกโม่จุดสามแปด หยดเลือดที่กระบอกไม้และค้อน รวมทั้งภาพเปลือยนับโหลของเด็กชาย ภาพหลายภาพในจำนวนนั้นเป็นภาพเปลือยที่เหยื่อถูกตัดหัว ทำให้ชี้ชัดไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่ก็เป็นหลักฐานที่มัดตัว บิชอป ว่าเขามีพฤติกรรมล่วงละเมิดเด็กมานาน

อาเทอร์ แกรี่ บิชอป Arthur Gary Bishop - ชายหนุ่มตัณหากลับ 5


picture taken from:trutv

ทรอย วอร์ด

ทรอย วอร์ด ฉลองวันเกิดครบปีที่หกของตนในบ่ายวันพุธ เขาได้รับอนุญาตให้เล่นเพียงคนเดียวในสวนสาธารณะใกล้บ้าน ซึ่งตามแผนที่วางไว้ เขาจะต้องไปหาครอบครัวของเพื่อนตอนสี่โมงเย็นตรงมุมถนน ก่อนที่ครอบครัวเพื่อนจะขับรถมาส่งเขาที่บ้านที่ซึ่งมีของขวัญและขนมเค้กรออยู่ ในวันนั้น สี่โมงเย็นแล้วยังไม่มีวี่แววของทรอยเลย ทั้งยังไม่มีวี่แววของเขาตรงถนนและสวรสาธารณะอีกด้วย
ตำรวจจึงได้รับแจ้งทันที เจ้าหน้าที่ลาดตระเวณพยายามสำรวจถนนรอบๆ สวนสาธารณะ พยานคนหนึ่งกล่าวว่าเห็นเด็กชายออกจากสวนสาธารณะไปกับชายคนหนึ่งในช่วงสองถึงสามนาทีก่อนสี่โมงเย็น ซึ่งชายคนนั้นกับเด็กชายท่าทางสนิทสนมกันดี เขาจึงคิดว่าเป็นพ่อลูก
ความจริงแล้ว ยคนนั้นคือ อาเทอร์ แกรี่ บิชอป เขากับเหยื่อคนที่สี่ หายไปด้วยกัน อย่างปราศจากร่องรอย ที่บ้านของบิชอป เขาเริ่มพิธีกรรมฟอนเฟ้นและล่วงละเมิดเด็กอีกครั้ง เขาบอกนักสืบเบลล์ในภายหลังว่า ตัดสินใจปล่อยตัวทรอยไป แต่ในวินาทีสุดท้าย สันดานดิบก็เข้าครอบงำเขาอีกครั้ง ค้อนกับอ่างน้ำรออยู่แล้ว จากนั้นแทนที่จะขับรถไปยังหลุมศพฝังส่วนตวนอกป้อมซีดาห์ บิชอป กลับมุ่งหน้าไปทางตะวันออก และฝังร่างไร้วิญญาณของทรอยใกล้ช่องแคบระหว่างเขา คัดทอนวูด ในบริเวณที่รกร้างทวินพีค

ทุกอย่างดูง่ายดายเสียเหลือเกิน เขาจะไม่ทนรอเหยื่อรายต่อไปอีกสองปีหรอก ในความเป็นจริง เขาไม่แม้กระทั่งรอจนถึงเดือนหนึ่งด้วยซ้ำ

จบเกม

วันพฤหัส ที่ 14 กรกฏาคม 1983 แกรมี่ คันนิ่งแฮม วัย 13 ปี ดีใจที่จะได้ไปตั้งแคมป์ในช่วงวันหยุด เขาเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว และการผจญภัยนี้เป็นหัวข้อสนทนาที่เขานำมาพูดคุยจนทุกคนรู้กันทั่ว ถ้าเขาจะมีปัญหาเรื่องการหายตัวไปของ ทรอย วอร์ด ซึ่งสาบสูญไปก่อนหน้านั้น สามสัปดาห์ คันนิ่งแฮมก็สามารถซ่อนมันไว้ได้ดี เขากำลังจะไปออกค่ายกับเพื่อนร่วมโรงเรียนรุ่นน้อง โดยมีผู้ใหญ่คนหนึ่งติดตามไปเป็นเพื่อน นั่นคือ โรเจอร์ ดาวน์
อย่างนี้แล้วเขาจะต้องกลัวอะไรอีก...

picture taken from:trutv
แกรมี่ คันนิ่งแฮม

แกรมี่ไม่ได้ออกไปตั้งแคมป์กับเพื่อนๆในบ่ายวันนั้น เขาหายไปจากบริเวณใกล้บ้าน ไม่มีร่องรอยให้ติดตาม พ่อแม่ตกใจเมื่อเขาไม่กลับมาทานอาหารมื้อเย็นที่บ้าน ข่าวการหายตัวไปของ คันนิ่งแฮม แพร่ไปทั่วทั้งรัฐ และโรเจอร์ ดาวน์ก็โทรฯ มาหาแม่ของคันนิ่งแฮมเพื่อดูว่าเขาจะช่วยอะไรได้หรือไม่ ภายหลังในเรือนจำ ดาวน์ บอกกับนักสืบว่า ความปรารถนาที่จะช่วยของเขานั้นจริงใจ “ ผมต้องการช่วยเหลือเธอ ” เขากล่าว “ แต่ผมไม่รู้จะบอกเธออย่างไรว่า ผมฆ่าลูกของเธอไปแล้ว ”

ก่อนที่อีกหนึ่งสัปดาห์จะผ่านไป เขาต้องบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้กับตำรวจแทน

อาเทอร์ แกรี่ บิชอป Arthur Gary Bishop - ชายหนุ่มตัณหากลับ 4

การตามหาแดนนี เดวิสกลายมาเป็นการตามหาอย่างเข้มข้นที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเขตซอล์ทเลค ภาพถ่ายของเด็กชายถูกจำหน่ายจ่ายแจกไปทั่วสหรัฐฯ ทางการมีเงินรางวัล 20,000 ดอลลาร์ สำหรับข่าวสารของเด็กชายมาให้ แต่ก็ไม่มีใครมารับเงินจำนวนนี้ ตำรวจขอความช่วยเหลทอจากเอฟบีไอ ขณะที่ศูนย์ข้อมูลอาชญากรรม เด็กแห่งชาติไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆที่เป็นประโยชน์ได้
โรเจอร์ ดาวน์ อาศัยห่างออกไปจากซูเปอร์มาร์เก็ตที่เด็กชายหายไปเพียงไม่กี่ช่วงตึก เขาไม่มีคำตอบอะไรให้ เมื่อตำรวจสอบถามเขาอีกครั้ง และเป็นอีกคราวที่ไม่มีใครตระหนักว่าเพื่อนบ้านผู้นี้อาศัยอยู่ใกล้เหยื่ออีกสองคนที่สูญหายไป ในภายหลัง เพื่อนบ้านหลายคนบอกตำรวจว่า ดาวน์ มีท่าทางเป็นคนรักเด็กแบบ ผิดปกติ ในเวลาเดียวกัน เขาก็เริ่มเล่นบทเจ้าของบ้านที่ดีสำหรับกลุ่มฮิปปี้ที่เกกมะเหรกเกเรกับแก๊งมอเตอร์ไซค์กวนเมือง
เพื่อนบ้านของ ดาวน์ นึกข้อมูลเหล่านี้ออกในหลายปีต่อมา แต่มันสายไปเสียแล้ว

โรเจอร์ ดาวน์ ไม่ได้ให้ความสนใจเงินรางวัลที่จะมอบให้แก่ผู้ที่แจ้ง เบาะแสนำไปถึงตัว แดนนี เดวิส เขามีเงินเหลือพอจากการยักยอกเงินครั้งสุดท้าย หลายสัปดาห์ก่อนที่ เดวิส จะถูกลักพาตัว ลีนน์ อี. โจนส์ หายตัวไปจากการทำงานที่ร้านสกีในเมือง ซอล์ทเลค เมื่อชายดังกล่าวไม่กลับมาจากการทานอาหารเที่ยง ทางร้านก็พบว่าเงินจำนวน 10,000 ดอลลาร์หายไปจากร้าน พร้อมกับแฟ้มข้อมูลของโจนส์

ตอนที่ตำรวจมาเยือนอพาร์ตเม้นต์ของบิชอปนั้น แดนนี เดวิส เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากเสพสมกับแดนนี บิชอปทำให้เด็กเงียบตลอดกาล ด้วยการบีบจมูกและอุดปาก วันต่อมา ซึ่งเป็นวันพุธ บิชอปขับรถไปยังป้อม ซีดาห์ ฝังศพเหยื่อรายที่สามใกล้กับสองศพแรก

ความอกสั่นขวัญแขวน

ดูเหมือนตำรวจรัฐยูทาห์ ยอมแพ้ความเจ้าเล่ห์แสนกลของบิชอป แต่ ส.ส. ของมลรัฐนี้ได้รับแรงกระตุ้นจากการหายตัวของเด็กจำนวนมาก เมื่อเดือน สิงหาคม 1982 ราเชล รันยัน อายุ 3 ขวบ ถูกลักพาตัวจากสนามของเล่นเด็กของโรงเรียนในซันเซ็ท ห่างไปทางเหนือของเมืองซอล์ทเลค 30 ไมล์ เสียงอื้ออึงของสาธารณชนเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ การพบศพเด็กน้อยซึ่งถูกฆ่ารัดคอในเวลาไม่นานหลังจากนั้น ทำให้เกิดความอกสั่นขวัญแขวนกันไปทั่ว นักการเมืองท้องถิ่นจึงออกกฎหมายมาอีกหนึ่งฉบับ

การฆาตรกรรมในระดับแรก เป็นอาชญากรรมสำคัญแล้วในมลรัฐยูทาห์ แต่บรรดา ส.ส. แสดงความเดือดดาลของตนด้วยการออกมาตรการใหม่ป้องกันการลักพาตัวเด็ก โดยมาตรการใหม่จะขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมขณะลักพาตัว และกฎหมายของพวกเขาก็กลายเป็นกฎหมายที่เข้มงวดที่สุดในประเทศ นักลักพาตัวเด็กที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษจะถูกจำคุกตั้งแต่ห้าถึงสิบห้า ขึ้นอยู่กับการก่ออาชญากรรมของตน กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางสังคมปรบมือต้อนรับกฎหมายใหม่นี้ด้วยความยินดี แต่มันไม่ช่วยหาอาชญากรลักเด็กแห่งยูทาห์ได้

อาเทอร์ แกรี่ บิชอป Arthur Gary Bishop - ชายหนุ่มตัณหากลับ 3

การบ่งชี้เหล่านี้ไร้ประโยชน์ ตำรวจมองไม่เห็นความคล้ายคลึงแบบนี้ เมื่อสอบถาม โรเจอร์ ดาวน์ ผู้อาศัยในอพาร์ตมันหลังหนึ่งห่างจากบ้านครอบครัวปีเตอร์สันไม่กี่ช่วงตึก ตำรวจตั้งคำถามพื้นๆกับ ดาวน์ อีกครั้ง ไม่ได้เชี่อมโยงชายผู้นี้กับคดีของ ดาเนียลส์ ชายวัย 29 ไม่ได้เปิดเผยให้ตำรวจรู้ว่า ตนใช้กระบอกตี คิม ปีเตอร์สัน จนตาย และฝังศพของเขาไว้ใกล้ อลอนโซ ดาเนียลส์ นอกป้อมซีดาห์

ทะเลทรายมีที่เวิ้งว้างมากมาย และการฆาตรกรรมก็ง่ายที่จะเกิดเป็นครั้งที่สองรอบสถานที่เหล่านี้ แม้บิชอปจะกลัวว่าถูกตำรวจจับ ซ้ำยังพยายามไว้ชีวิตเหยื่อหากเด็กชายสัญญาว่าจะไม่ปริปากเรื่องนี้ แต่ในที่สุด เขาก็เรียนรู้ว่าการฆาตรกรรมจะหาจุดจบของมันเอง

ในครั้งนี้เขาเริ่มกระหายเหมือนคนติดยา

เด็กชายคนสวย

picture taken from : trutv

แดนนี เดวิส

สิบเอ็ดเดือนผ่านไป ก่อนที่ บิชอป จะลงมือฆ่าอีกครั้ง วันที่ 21 ตุลาคม 1981 เขาเดินเลียบซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง และเห็นเด็กชายคนหนึ่งในนั้น เขาบอกตำรวจภายหลังว่า “ ผมเห็นเด็กชายตัวเล็กที่หน้าตาสวยงามที่สุดคนหนึ่ง คุกเข่าอยู่บนทางเดิน ” แดนนี เดวิส วัย 4 ขวบ กำลังคลำตามเครื่องกดหมากฝรั่ง พยายามจะให้ได้ลูกบอลหมากฝรั่งซักลูกโดยที่ไม่ยอมจ่ายเงิน บิชอปเลยเดินไปเสนอลูกกวาดแก่เขา แต่เด็กชายตัวน้อยปฎิเสธ บิชอปยอมแพ้เดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนั้นมา ทว่าเมื่อชำเลืองมองด้านหลัง เขากลับเห็นแดนนี ตามมาไม่ห่างจนถึงทางเดิน เขารอจนเด็กชายเดินตามมาทันก่อนจะพาออกไปยังที่จอดรถ

ยายของแดนนี ไม่เห็นหลานชายเมื่อช้อปปิ้งเสร็จ ทันใดนางก็ตื่นตกใจพลางเรียกผู้จัดการร้าน พนักงานและลูกค้าช่วยกันหา แต่พวดเขาช้าเกินไป ลูกค้าหลายคนจำได้ว่าเห็นเด็กชายเล่นอยู่หน้าเครื่องกดหมากฝรั่ง โดยมีชายหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสยืนอยู่ด้วย
อีกครั้งหนึ่งแล้วที่เรื่องราวดำเนินไปเหมือนกรณี อลอนโซ ดาเนียลส์ หน่วยกูภัยแทบพลิกทะเลทรายและภูเขา อุณหภูมิลดลงมาอยู่ที่ 30 องศา ตลอดทั้งคืน ตำรวจได้รับแจ้งว่าแดนนีสวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และ รองเท้ายาง เจ้าหน้าที่ออกตามหาแดนนีอยู่หลายวันอย่างสุดความสามารถ แต่ความพยายามทั้งหมดล้มเหลว

อาเทอร์ แกรี่ บิชอป Arthur Gary Bishop - ชายหนุ่มตัณหากลับ 2

บิ๊กบราเทอร์

ขณะ หลบซ่อนตัว บิชอปไม่ได้หนีไปไกลเลย วิธีง่ายๆ เช่นการเปลี่ยนชื่อก็เพียงพอที่จะทำให้ตำรวจหันเหความสนใจไปได้ บิชอปยังคงอยู่ในเมืองซอล์ทเลค ใช้ชื่อว่า “ โรเจอร์ ดับบลิว ดาวน์ ” เพื่อเข้าร่วมโครงการบิ๊กบราเทอร์ โครงการที่ผู้ใหญ่เข้ามาร่วมให้การดูแลเด็กที่เหงาและว้าเหว่ซึ่งอยู่ใน โครงการ ภายหลัง โฆษกของโครงการบิ๊กบราเทอร์/บิ๊ก ซิสเตอร์ บอกตำรวจว่า ดาวน์ ล่วงละเมิดทางเพศเด็กอย่างน้อยสองคนขณะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องนี้ถึงหูตำรวจ เจ้าหน้าที่กลับไม่ดำเนินการอะไรเลย

มอร์มอนขับบิชอปออกจากลัทธิใน เดือนตุลาคม 1978 แม้จะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลใดๆ ต่อชีวิตของเขาเลย แต่ละวันเขาทำงานเล็กๆน้อยๆ ขลุกอยู่กับเด็กชายเท่าที่โอกาสจะอำนวย และต่อสู้กับแรงกระตุ้นลี้ลับที่ประสงค์มากกว่าความต้องการทางเพศ

หนึ่งปีต่อมา หลังจากถูกขับออกจากลัทธิ มอร์มอนแล้ว บิชอป พ่ายแพ้ต่อความต้องการด้านมืดที่ผลักดันเขาอยู่

Picture taken from : trutv.com
อลอนโซ ดาเนียลส์

วันที่ 14 ตุลาคม ปี 1979 อลอนโซ ดาเนียลส์ วิ่งเล่นอยู่ในสนามหลังอพาทเม้นต์ซอล์ทเลคซิตี้คอมเพล็กซ์ เมื่อหายตัวไปปราศจากร่องรอยให้ติดตาม แม่ซึ่งวิตกกังวลขอให้ญาตๆ ช่วยกันตามหาในบริเวณใกล้ๆ และรอบๆ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ตำรวจได้รับการร้องขอให้เคาะประตูบ้านทีละหลัง และพบเพื่อนบ้านที่ชื่อ โรเจอร์ ดาวน์ เกือบจะในทันที ในแฟลตของเขาที่อยู่ตรงข้ามอพาร์ตเม้นต์ของอลอนโซ แต่ตำรวจทำได้แค่ตั้งคำถามพื้นๆ และแน่นอน ดาวน์ปฎิเสธ ไม่รู้ว่าเด็กชายอยู่ไหน

เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่า อลอนโซน้อนเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ตอนที่พวกเขาไปถึงอพาร์ตเม้นต์คอมเพล็กซ์ บิชอปล่อลวงเด็กเคราะห์ร้ายจากสนามเด็กเล่น สัญญาว่าจะให้ลูกกวาดเป็นรางวัล เขาพยายามถอดเสื้อผ้าของอลอนโซและล่วงละเมิดทางเพศในห้องนั่งเล่นขิงตน บิชอปผุดลุกผุดนั่งเมื่อเด็กชายเริ่มร้องให้และขู่จะฟ้องแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ในที่สุดเขาอุ้มอลอนโซเข้าไปในห้องน้ำและกดศรีษะเด็กชายลงไปในอ่างอาบน้ำที่ มีน้ำอยู่เต็ม จากนั้นก็เอาศพไปใส่กล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่ก่อนจะหอบไปยังรถของตน ผ่านแม่ของอลอนโซขณะเดินผ่านสนามเด็กเล่นพลางร้องเรียกชื่อลูกชายอย่าง โหยหวน

บ่ายแก่ๆของวันนั้น ทีมงานกูภัยของเขตซอล์เลคมาช่วยหา อลอนโซ ดาเนียส์ อีกแรง แต่ก็ไร้ผล อีกสองสามวันต่อมา พลเมืองหลายร้อยคน รวมทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยยูทาห์ ร่วมกันค้นหาเขาอย่างขะมักเขม้น รูปของอลอนโซ ได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่และแจกจ่ายไปทั่วมลรัฐ ตำรวจสอบถามประชาชนหลายร้อยคน ทว่าไม่มีใครรู้สักคนว่าเด็กชายไปอยู่ใหน

คืน วันที่ 14 ตุลาคม หลังจากอลอนโซตายไปแล้ว บิชอปขับรถซุกซ่อนศพไปยังป้ปมซีดาห์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซอล์ทเลค ก่อนจะฝังดาเนียลส์ในทะเลทราย หลุมศพที่ไม่ได้ทำเครื่องหมายไว้ใต้ร่มเงาจากต้นซีดาห์ช่วยให้ร่มรื่น

เมื่อ กลับถึงบ้าน บิชอปมีอารมณ์หลายอย่าง ทั้งความรู้สึกขยะแขยงอย่างรุนแรงกับอาขญากรรมจากน้ำมือตน ปนกับความกลัวตำรวจและความตื่นเต้นอันวิปริต กระนั้น สิ่งที่ครอบงำอยู่เหนือความรู้สึกทั้งมวลก็คือความแน่ใจว่าเขาจะทำมันอีก ครั้ง

นักเล่นสเก็ต

ในปีที่สังหาร อลอนโซ ดาเนียลส์ บิชอปแสวงหาสิ่งที่เป็นอันตราย น้อยกว่าแรงกระตุ้นมรณะในจิตใจตน แทนที่จะเป็นเด็ก เขาตัดสินใจฆ่าลูกสุนัข เขารับลูกสุนัข 15-20 ตัวจากหน่วยดูแลสัตว์ของเมืองซอล์ทเลคมาเลี้ยง ตลอดสิบสามเดือนที่ผ่านไป เขาใช้มันเป็นตัวแทนของเด็ก “ ช่างดูคล้ายกันจริงๆ ” เขากล่าวกับนักสืบดอน เบลล์ ในภายหลัง “ ลูกสุนัขครวญครางเหมือนที่ อลอนโซ ทำ ผมจะขัดใจทุกครั้งที่มันร้องคราง ผมทุบมันด้วยค้อน กดให้จมน้ำ หรือไม่ก็รัดคอ ”

ดู เหมือนว่าเพื่อนบ้านของบิชอปจะไม่ใช่คนช่างสังเกต แต่แม้จะรู้โทษของการทารุณกรรมสัตว์ก็เป็นเพียงโทษอาญาที่เบามาก เทียบไม่ได้เลยกัยการลักพาตัวและฆ่าเด็ก ลูกสุนัขทำให้แรงกระตุ้นในตัว บิชอป รุนแรงขึ้น เขายังคงล้วงละเมิดทางเพศเด็กเป็นครั้งคราว ก่อนจะใช้เสน่ห์หรือไม่ก็ขู่เข็ญเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเอาเรื่องไปบอกพ่อ แม่ ทว่าหากเด็กขัดขืนหรือตัวเขาเองหวาดกลัวว่าจะเข้าคุก นั่นก็จะเป็นการจุดประกายสัญชาตญาณในการสังหารของเขา


picture taken from : trutv.com

คิม ปีเตอร์สัน

วันที่ 8 พฤศจิกายน 1980 คิม ปีเตอร์สัน วัย 11 ขวบ พบกับ บิชอปในลานสเก็ตเมืองซอล์ทเลค ทั้งสองคุยกันเรื่องรองเท้าสเก็ตกับการเล่น คิมบอกเขาว่าต้องการขายรองเท้าสเก็ตคู่เก่าของตนเพื่อนำเงินไปซื้อคู่ใหม่ บิชอปแสร้งทำเป็นสนใจ บอกคิมยินดีซื้อรองเท้าสเก็ตของเด็กชายในราคา 35 ดอลลาร์ ไม่ปรากฎแน่ชัดว่า บิชอป ใช้ชื่ออะไร คิมออกจากบ้านพลางถือรองเท้าสเก็ตไปด้วยในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน บอกพ่อแม่ว่าเจอคนที่จะซื้อรองเท้าสเก็ตแล้ว อย่างไรก็ตามเขาม่ได้บอกคนซื้อชื่ออะไร แต่สัญญาว่าจะกลับมาทันทีที่การซื้อขายเสร็จสิ้น

ตำรวจได้รับแจ้งให้ ไปยังบ้านปีเตอร์สัน ใกล้ซันดาวน์ เมื่อคิมไม่ได้กลับมาทานอาหารมื้อเย็นที่บ้าน การค้นหาอย่างไร้ผลเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง บรรดานักสเก็ตจากลานที่คิมได้พบคนลีกพาตัวเมื่อวันเสาร์เข้ามามีส่วนช่วย เหลือด้วย พยานนักสเก็ตหลายคนบรรยายรูปพรรณคนที่คิมคุยด้วยว่า เป็นชาย อายุราว 25-35 ปี สวมแว่นสายตา ใส่ชุดยีนส์สีน้ำเงินละแจ็กเก็ตแบบทหาร พยานสองคนยอมรับการสะกดจิต เพื่อให้ระลึกถึงรายละเอียดได้มากยิ่งขึ้น ชาวคนดังกล่าวผมสีดำ มีขนคิ้วดก หนักประมาณ 200 ปอนด์ นักสเก็ตคนหนึ่งอ้างว่าชายคนดังกล่าวขับรถเชพวีคามาโรสีเงิน ไม่มีทะเบียนที่บ่งบอกรัฐ บางทีอาจจะเป็นทะเบียนของรัฐเนวาดา

Saturday, September 27, 2008

อาเทอร์ แกรี่ บิชอป Arthur Gary Bishop - ชายหนุ่มตัณหากลับ 1


this picture's taken from:crimelife.com

ลูกชายผู้เป็นแบบอย่าง
เมืองฮินคลีแห่งรัฐยูทาห์เป็นเมืองทะเลทรายเล็กๆ มีประชากรอาศัยน้อบกว่าเจ็ดร้อยคน เมืองดังกล่าวตั้งห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ของเมืองซอล์ทเลคราวร้อยไมล์ จึงไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมกราย ชาวเมืองดำรงชีวิตด้วยการพลิกพื้นทรายทำมาหากิน ภูมิประเทศดังกล่าวก่อให้เกิดชาย และ หญิงผู้ทรหด แมลงป่อง และงูห่างกระดิ่ง

ในปี 1951 ปราศจากสัญญาณเตือนล่วงหน้า ปิศาจร้ายตนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นที่นี่

ระหว่างการพิจราณาคดี ทนายจำเลยบรรยายบุคลิกของ อาเทอร์ แกรี่ บิชิป ว่าเป็น
เด๋กที่เปลี่ยวเหงาและเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น แต่ไม่มีบันทึกเผยแพร่เล่มใดทำให้คำกล่าวนั้นมีเหตุผล ในความเป็นจริงท่าทางเขาเป็นลูกชายที่เป็นแบบอย่างของน้องๆกกว่า เขาได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อและแม่ ผู้นับถือลัทธิมอร์มอนซึ่งเคร่งครัดในศาสนา บิชอปเป็นนักเรียนดีเด่น และเป็นลูกเสือระดับนกอินทรีที่น่าภาคภูมิใจ เพื่อนร่วมชั้นมัธยมโพสต์ข้อความในเวปไซค์ของลัทธิมอร์มอนหลังจากนั้นอีกหลายทศวรรษว่า บิชอปเป็นคนแปลก และเมื่อต้องการจะออกเดทกับสาวงามสักคน ก็ยากที่จะหาหญิงใดออกเดทด้วยได้ การเลือกทำหน้าที่ในฐานะผู้จัดกาสภานักเรียนไม่ได้บอกว่าเขาเป็นที่นิยมชมชอบแต่ประการใด เพื่อนร่วมชั้นคนเดิมกล่าว ประเพณีนี้แค่ดำเนินไปตามครรลองเช่นที่เป็นมาทุกปีเท่านั้น บรรดานักเรียนต้องการ เพียงหาใครสักคนมาทำหน้าที่นี้

เรื่องราวดำเนินต่อไป ดักลาส บิชอป น้องชายของเขา เกิดเมื่อปี 1956 เขารักใครบูชาพี่ชายมากทีเดียว กระนั้นก็ดี เวลาเกือบสามทศวรรษผ่านไปก่อนที่ชุมชนจะได้รู้ว่า พี่น้องบิชอปมีบางสิ่งแปลกประหลาดอยู่ในความธรรมดาสามัญของตน

ปี 1969 หลังจากจบชั้นมัธยม อาเทอร์ปฎิบัติตามความเชื่อศรัธทาของลัทธิตนด้วยการไปเป็น มิชชันนารีหนุ่มน้อยที่ประเทศฟิลิปปินส์ กระทั่งเมื่องานที่ฟิลิปปินส์จบลง เขาก็กลับบ้านบ้านพร้อมกับลงทะเบียนเข้าเรียนในวิทยาลัยสตีเวน-เฮเนเกอร์ วิทยาลัยสอนวิชาธุรกิจของรัฐยูทาห์ เขาเรียนจบวิชาบัญชีโดยมีผลการเรียนระดับดีเยี่ยม ใบปริญญาบัตรของบิชอปประกาศว่า ชายหนุ่มผู้นี้พร้อมแล้วที่จะแผ้วถางสร้างทางของตนในโลก

ทว่าโลกยังไม่พร้อมสำหรับเขา

อาเทอร์ บิชอป มีด้านมืดในตัวเอง ซึ่งสำแดงออกมากขึ้นทุกวันๆ กระนั้นก็ดี คุณไม่มีทางคาดเดาสิ่งนี้ได้จากใบแสดงผลการเรียน ประสบการณ์การทำงานช่วงแรกเริ่ม หรือในบทสนทนากับครอบครัวและผองเพื่อน

นั่นคือลูกชายผู้สมบูรณ์แบบ เสพติดภาพลามกอนาจาร โดนเฉพาะอย่างยิ่งภาพของเด็ก บิชอปตกเป็นทาสของมัน เขาหล่อหลอมจินตนาการ ละเลียดลิ้มมันมานาน จนกระทั่งจินตนาการอย่างเดียวไม่พอเสียแล้ว

ไม่มีใครระบุได้แน่ชัดว่า อาเทอร์ บิชอป ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่าง ฝันกลางวันอันผิดปกติกับความเป็นจริง ไปสู่การเป็นนักเสพสมเด็กที่กระตือรือร้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หลายปีจากนั้น จำนวนของพ่อแม่ในรัฐยูทาห์ที่ตำหนิ ติเตียนบิชอปซึ่งล่วงละเมิดลูกๆ ของตนเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่ไม่มีสักคนออกมาพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง แม้กระทั่งเมื่อจินตนการเสื่อมทรามลงสู่การฆาตรกรรม คนเหล่านี้ต่างปิดปากเงียบ พ่อแม่บางคนอาจเตือนให้ลูกหลีกเลี่ยงคนแปลกหน้า ทว่าไม่มีใครซักคนนำเรื่องไปถึงตำรวจ แม้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรทำก็ตาม

ครั้งแรกที่บิชอปทำสิ่งผิดกฎหมายไม่ใช่เรื่องเด็กหรือข้องเกี่ยวกับเรื่องเพศ เดือนกุมภาพันธ์ 1978 บิชอปถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินจำนาน 8
,714 ดอลลาร์ จากบริษัทขายรถยนต์มือสองที่เขาทำงานเป็นผู้ทำบัญชีตั้งแต่เดือน กรกฏาคม ปี 1977 เพื่อนๆและครอบครัวของเขาต่างตกตะลึง แต่ดูเหมือนบิชอปจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้ว เมื่อถูกจับกุมเขาสารภาพว่าทำผิดจริงและได้รับโทษรอลงอาญา 5 ปี เพราะสัญญาว่าจะชดใช้เงินคืนทั้งหมด การสำนึกบาปของเขาดูเหมือนจะออกมาจากใจ จนกระทั่งจู่ๆ เขาหายตัวไป

ในระหว่างนั้น อาเทอร์ บิชอปไม่เหมือนผู้หลบหนีคนอื่นๆ ที่ต้องใช้ชื่อปลอมตบตาคนทั่วไปนานปี แน่นอน เขาทำเช่นนั้น แต่ขณะเดียวกันก็หางานทำเท่าที่จะหาได้ ขโมยเงินเมื่อขโมยได้ ถึงกระนั้น ทางการก็ยังไม่สามารถออกหมายจับตัวข้อหาฝ่าฝืนโทษในขั้นตักเตือนได้

ครั้งต่อมาที่ บอชอป เข้าคุกคือเมื่อเป็นฆาตรกร และเขาก็กลายมาเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของยูทาห์ในศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว